คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับการกรองน้ำมันไฮดรอลิค

คำถามที่ 1

ทำไมผมต้องใช้เครื่องกรองที่ดีกว่ากรองที่ติดมากับเครื่องด้วย
คำตอบ :
ส่วนใหญ่กรองที่ติดมากับเครื่องเป็นกรองด้านดูด (Suction Filter) มีไว้เพื่อดักจับผงขนาดใหญ่ อันจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อปั๊มไฮดรอลิก หรือทำให้เกิดการสึกหรออย่างรุนแรง การกรองแบบ by-pass ของ Filtroil จะดักจับผงขนาดเล็ก ๆ รวมถึงความชื้น หรือน้ำที่ปะปนอยู่ในน้ำมัน ที่กรองเดิมของเครื่องไม่สามารถจับได้ โดยจะใช้งานควบคู่ไปกับกรองเดิมของเครื่อง ไส้กรองของ Filtroil สามารถดักจับผงขนาดเล็กกว่าหนึ่งไมครอน ดังนั้นจึงสามารถป้องกันการสึกหรอของเครื่องจักรได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้จะทำให้อายุการใช้งานของน้ำมันไฮดรอลิกยาวนานขึ้นเป็นอย่างมาก

คำถามที่ 2

เครื่องจักรผมยังไม่มีปัญหาเลย แล้วทำไมผมต้องติดเครื่องกรองน้ำมันเพิ่มด้วย
คำตอบ :
เครื่องกรองจะแยกสิ่งแปลกปลอมที่อยู่ในน้ำมัน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่น้ำมันจะคงความสะอาดอยู่ได้ การวิจัยในห้องทดลองจะทำให้รู้ระดับความสะอาดของน้ำมัน เป็นรหัส ISO น้ำมันใหม่มีความสะอาดระดับ ISO 18/16/11 ในขณะที่ผู้ผลิตวาล์วไฮดรอลิกแนะนำว่าน้ำมันที่มีระดับความความสะอาดเกิน ISO 16/14/11 จะทำให้เกิดการสึกหรอในวาล์วมากและจะทำให้อายุของน้ำมันสั้นลง ไส้กรองของ Filtroil จะทำให้น้ำมันมีความสะอาดกว่าน้ำมันใหม่ 2-5 ขั้นเลยทีเดียว

คำถามที่ 3

เราจะทำอย่างไรกับความชื้น หรือน้ำที่อยู่ในเครื่องจักร
คำตอบ :
ไส้กรองของ Filtroil ต่างจากไส้กรองทั่วไปที่ Filtroil สามารถลดปริมาณน้ำลงเหลือ 0.03% โดยปริมาตร นอกจากนี้ Filtroil ยังมีไส้กรองพิเศษสำหรับดูดซับน้ำโดยเฉพาะ ทำให้สามารถลดปริมาณน้ำลงได้อย่างรวดเร็วจนเหลือ 0.01% โดยปริมาตร

คำถามที่ 4

ความสะอาดของน้ำมันควรอยู่ที่ระดับไหน
คำตอบ:
สมาคมอุตสาหกรรมพลาสติค (Society of the Plastic Industry) ระบุว่าควรเป็น ISO 16/14/11 หรือสะอาดกว่านั้น ผู้ผลิตเซอร์โววาล์วจำนวนมาก ก็แนะนำในระดับเดียวกัน ความสกปรกของน้ำมันจะทำให้เกิดความร้อนและแรงเสียดทานที่มากขึ้น ดังนั้นยิ่งน้ำมันสะอาดจะยิ่งเป็นผลดีต่อเครื่องจักร

คำถามที่ 5

เราจะใช้ฟิลเตอร์ขนาดไหนติดตั้งกับเครื่องจักร
คำตอบ : 
ไส้กรองแต่ละรุ่นจะระบุขนาดของถังน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดที่จะกรองได้ เมื่อขนาดถังน้ำมันใหญ่กว่านั้นเราควรเลือกรุ่นที่ใหญ่ขึ้น พึงระลึกไว้เสมอว่า ไม่มีเครื่องกรองไหนใหญ่เกินไปในการกรองน้ำมัน มีแต่กรณีที่เครื่องกรองเล็กเกินไป

คำถามที่ 6

เราจะวัดประสิทธิภาพของเครื่องกรองได้อย่างไร
คำตอบ :
การวัดประสิทธิภาพของเครื่องกรอง เราต้องวัดที่ Beta Ratio การลดค่า Beta Ration ลงหนึ่งหน่วย จะทำให้อายุของเครื่องจักรเพิ่มขึ้นแบบเอ็กโปแนนเชียล การศึกษาครั้งหนึ่งพบว่า หากชิ้นส่วนของเครื่องจักรชิ้นหนึ่งมีอายุการใช้งาน 3000 ชั่วโมง หากลดค่า Beta ลงหนึ่งหน่วย จะทำให้ชิ้นส่วนนั้นมีอายุการใช้งานนานขึ้นเป็น 9000 ชั่วโมง แต่ถ้าคุณสามารถลดค่า Beta ลงอีกระดับหนึ่งจะทำให้อายุการใช้งานเพิ่มขึ้นเป็น 27,000 ชั่วโมง

คำถามที่ 7

แล้วขนาดความละเอียด 0.1 ไมครอนของไส้กรอง จะทำให้สารเพิ่มคุณภาพในน้ำมันไฮดรอลิคถูกกรองออกมาด้วยหรือเปล่า
คำตอบ :
ไม่เลย นี่เป็นความเชื่อที่ผิด เรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากผู้ผลิตน้ำมันไฮดรอลิคแล้ว ว่าไม่เป็นความจริง สารเพิ่มคุณภาพในน้ำมันเป็นสารละลาย และไม่สามารถกรองออกโดยฟิลเตอร์ได้ ยกเว้นสารเติมแต่งบางประเภทเช่น EP ในน้ำมันเกียร์อุตสาหกรรม

คำถามที่ 8

ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ในการกรองน้ำมัน
คำตอบ :
ขึ้นอยู่กับระดับความสกปรกของน้ำมัน ตัวอย่างเช่นการติดตั้งถังกรองรุ่น BU-100 ซึ่งมีอัตราการไหล 0.5 แกลลอนต่อนาที กับเครื่องจักรขนาด 200 แกลลอน ก็จะทำให้น้ำมันจำนวน 200 แกลลอน สามารถไหลผ่านไส้กรองในเวลา 400 นาที หรือประมาณ 7 ชั่วโมง น้ำมันที่ผ่านการกรองแล้วจะกลับไปปนกับน้ำมันเดิมในถัง หากเราทำให้น้ำมันผ่านเครื่องได้ 11 รอบ ก็จะสามารถทำให้น้ำมันทั้งหมดสะอาดได้ ควรทำการเก็บตัวอย่างน้ำมันก่อน และหลังติดตั้งไปตรวจสอบ ด้วย โดยอาจทำทุกอาทิตย์ หรือทุกเดือน แต่สุดท้ายแล้วน้ำมันที่ผ่านการกรองด้วยฟิลเตอร์ของ Filtroil จะทำให้มีความสะอาดในระดับ ISO 16/14/11 หรือสะอาดกว่า

คำถามที่ 9

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องเปลี่ยนน้ำมันหรือยัง
คำตอบ :
หลายคนเข้าใจว่าเราต้องเปลี่ยนน้ำมันอยู่เสมอ แต่จริง ๆ แล้วตัวบอกว่าต้องเปลี่ยนน้ำมันหรือยังคือค่า TAN (Total Acid Number) ถ้าหากค่า TAN สูงกว่า 2 ก็ควรต้องเปลี่ยนน้ำมันแล้ว ถ้าค่า TAN ต่ำกว่า 1 น้ำมันอยู่ในสภาพที่ดีมาก (ยกเว้นว่ามีน้ำปนอยู่ในน้ำมัน) หากค่า TAN ยังต่ำกว่า 2 แต่น้ำมันสกปรก ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมัน ให้กรองน้ำมันแทน

คำถามที่ 10

เราจะทดสอบคุณภาพน้ำมันได้อย่างไร
คำตอบ :
ผู้ผลิตน้ำมันหลายราย สามารถวิเคราะห์น้ำมันให้ลูกค้าโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย หรือสามารถส่งน้ำมันไปทดสอบที่ห้องทดลองที่เชื่อถือได้ ข้อสำคัญคือผลที่ออกมาต้องครอบคลุมถึงระดับความสะอาดของน้ำมัน การนับจำนวนผงในน้ำมัน, ค่า TAN, ความหนืด, ผงโลหะที่เกิดจากการสึกหรอ รวมทั้ง ปริมาณน้ำที่เจอปนอยู่ในน้ำมันด้วย

คำถามที่ 11

ถ้าไม่ต้องการแยกน้ำมันมาจากท่อด้านความดันสูงหรือไม่มีความดัน 100 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ในระบบไฮดรอลิกที่จะต่อแบ่งน้ำมันมาเข้าถังกรองเลย แล้วจะทำอย่างไร
คำตอบ :
เรามีเครื่องกรองแบบ By-Pass ที่มีปั๊มในตัว โดยต่อน้ำมันออกจากถังเข้าเครื่องกรอง และส่งน้ำมันที่กรองแล้วกลับเข้าถังตามเดิม

คำถามที่ 12

รหัส ISO คืออะไร
คำตอบ :
เป็นการแสดงให้เห็นว่ามีผงจำนวนเท่าไหร่ปนอยู่ในน้ำมัน 1 มิลลิลิตร โดยผงนั้นมีขนาด 2, 5 และ 15 ไมครอน ซึ่งจะทำได้โดยการวิเคราะห์น้ำมัน แนะนำว่าควรส่งน้ำมันไปวิเคราะห์ 2-4 ครั้งต่อปี

คำถามที่ 13

Beta ratio คืออะไร
คำตอบ :
Beta Ratio คือ จำนวนผงขนาดที่ระบุหรือใหญ่กว่าที่ไหลเข้าไส้กรอง หารด้วยจำนวนผงขนาดที่ระบุหรือใหญ่กว่าที่ออกจากไส้กรอง ตัวอย่างเช่น ถ้ามีผงจำนวน 200 ชิ้นที่ใหญ่กว่า 3 ไมครอน ไหลเข้าไส้กรอง และ มีจำนวนหนึ่งชิ้นที่มีขนาด 3 ไมครอนหรือใหญ่กว่า ไหลออกจากไส้กรอง Beta Ratio จะเท่ากับ 200/1 หรือ 200 สำหรับ Beta Ratio ของ ไส้กรอง Filtroil ที่ 1.5 ไมครอน มีค่ามากกว่า 750.

ข้อมูลอ้างอิงจาก www.oilservethai.com